![Romulus and Remus - ฉันสงสัยว่าฝาแฝดที่เลี้ยงดูโดยหมาป่าจะเติบโตเป็นอย่างไร?](https://www.herballyradiant.com/images_pics/romulus-and-remus-how-would-the-twins-raised-by-wolves-grow-up.jpg)
ในโลกแห่งตำนานและเทพนิยายโบราณของอิตาลี การกำเนิดของกรุงโรมถูกโอบล้อมด้วยเรื่องราวอันน่าทึ่งเกี่ยวกับ “Romulus และ Remus” ฝาแฝดผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งถูกปล่อยให้จมอยู่ในความโชคร้ายตั้งแต่ยังเป็นทารก ในขณะที่ตำนานนี้ปรากฏในหลายรูปแบบ แต่ก็มีความสอดคล้องกันบางประการ
แม่ของฝาแฝดคือ Rhea Silvia สตรี कुलीนผู้มีศักดิ์สูง เธอถูกบังคับให้รับใช้ Pontifex Maximus องค์บาทหลวงแห่งโรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในขณะนั้น Pontifex Maximus คือ Amulius ซึ่งเป็นลุงของเธอเอง
Amulius เกิดความหึงหวงเมื่อ Rhea Silvia ให้กำเนิดฝาแฝดชายสองคน “Romulus และ Remus” ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ทิ้ง Romulus และ Remus ลงในแม่น้ำไทเบอร์ เพื่อกำจัดพวกเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม
โชคดีที่ความตั้งใจร้ายของ Amulius ไม่สำเร็จ
แม่น้ำไทเบอร์พัดพาฝาแฝดไปยังฝั่งตรงข้าม และพวกเขาถูกพบโดยหมาป่าตัวเมียชื่อ Lupa ซึ่งเลี้ยงดู Romulus และ Remus ในถ้ำของเธอ Lupa ให้ความอบอุ่นและนมแก่เด็กๆ จนกระทั่ง Fauster, Shepherd ที่มีใจดี ค้นพบทั้งสอง
Fauster เลี้ยงดู Romulus และ Remus อย่างเป็นสุข พวกเขาเติบโตขึ้นมาแข็งแรงและกล้าหาญ
เมื่อโตขึ้น Romulus และ Remus ได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตนเอง และพวกเขากลับไปยังกรุงโรมเพื่อโค่นอำนาจ Amulius
หลังจากที่ Romulus และ Remus สู้รบกับ Amulius และชนะ พวกเขาทั้งสองได้ก่อตั้งกรุงโรมขึ้นมาใหม่ และตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้ปกครอง
ตำนานนี้มักจะเล่าถึงการทะเลาะกันระหว่าง Romulus และ Remus เกี่ยวกับที่ตั้งของเมือง
Romulus ชอบเนิน Paletine ในขณะที่ Remus ชอบเนิน Aventine
ความขัดแย้งนี้จบลงด้วยการต่อสู้ที่รุนแรง Romulus สังหาร Remus ซึ่งทำให้ Romulus กลายเป็นผู้ก่อตั้งและราชาคนแรกของกรุงโรม
ความหมายของ “Romulus และ Remus”
เรื่องราว “Romulus และ Remus” อัดแน่นไปด้วยสัญลักษณ์และแง่มุมที่น่าสนใจ
1. โอเมก้า: การกำเนิดจากความอยุติธรรม:
การถูกทิ้งขว้างในแม่น้ำไทเบอร์แสดงถึงความไม่ยุติธรรมของโชคชะตา และฝาแฝดต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเอง
2. ลูพา: ความเมตตามิใช่สัญชาตญาณ:
หมาป่า Lupa สอนให้เราเห็นถึงความรักและความเมตตาที่สามารถข้ามขีดจำกัดของสายพันธุ์ได้
3. ฟอสเตอร์: มอบโอกาสให้แก่คนอื่น:
Shepherd Fauster แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมอบโอกาสให้กับผู้อื่น
4. การก่อตั้งกรุงโรม: ความพยายามในการสร้างสังคมใหม่:
ตำนานนี้แสดงถึงความปรารถนาและความใฝ่ฝันของมนุษย์ในการสร้างอารยธรรมที่ใหม่ขึ้นมา และการสร้างระเบียบจากความวุ่นวาย
5. การฆ่า Remus: ค่าใช้จ่ายของอำนาจ:
การตายของ Remus เป็นบทเรียนอันน่าเศร้าเกี่ยวกับวิธีที่อำนาจสามารถบิดเบือนและทำลายบุคคลได้
“Romulus และ Remus” ในยุคสมัยต่างๆ
ตำนาน “Romulus และ Remus” ได้รับการดัดแปลงและตีความใหม่ในช่วงเวลาต่างๆ
- ยุครุ่งเรืองของโรม:
เรื่องราวนี้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนอำนาจของจักรวรรดิโรมัน โทษผู้ศัตรู และสร้างอัตลักษณ์ของชาวโรมัน
- สมัยกลาง:
ตำนาน “Romulus และ Remus” ยังคงได้รับความนิยมในยุคกลาง แต่ได้รับการตีความใหม่ผ่านเลนส์คริสเตียน เช่น การเปรียบเทียบ Lupa กับพระแม่มารี
- สมัยเรเนซองซ์:
ศิลปินและนักเขียนชาวอิตาลีได้นำ “Romulus และ Remus” มาใช้ในการสร้างงานศิลปะที่มีชื่อเสียง อาทิ “The She-Wolf” by Gian Lorenzo Bernini
ตำนาน “Romulus และ Remus” ในปัจจุบัน
แม้ว่าตำนานนี้จะเกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและมีอิทธิพลต่อคนในปัจจุบัน
- การศึกษา:
ตำนาน “Romulus และ Remus” เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรประวัติศาสตร์และวรรณคดีในโรงเรียนทั่วโลก
- ศิลปะและวัฒนธรรม:
“Romulus และ Remus” ยังคงปรากฏในภาพยนตร์ โทรทัศน์ และงานศิลปะร่วมสมัย
- การเมือง:
ตำนานนี้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี การต่อสู้ และการก่อตั้งอารยธรรมใหม่
สรุป
ตำนาน “Romulus และ Remus” เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การสูญเสีย และความหิวโหย
ผ่านตัวละครที่ไม่น่าลืม เช่น Lupa, Fauster และ Romulus เอง
เรื่องนี้สอนให้เราเห็นถึงความแข็งแกร่งของมนุษย์ ความสำคัญของความเมตตา และค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของอำนาจ “Romulus และ Remus” ยังคงเป็นหนึ่งในตำนานที่ได้รับความนิยมและทรงอิทธิพลที่สุดจากโบราณกาล